การจัดกระเป๋าเตรียมตัวไปคลอดที่โรงพยาบาล ควรจัดล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อป้องกัน การฉุกละหุก หากมีการคลอดฉุกเฉินเกิดขึ้น นอกจากนั้นควรตรวจสอบดูด้วยว่า ของใช้จำเป็น อื่นๆ สำหรับลูกน้อยได้ตระเตรียมไว้พร้อมแล้วหรือยัง คุณแม่อาจสอบถามจากโรงพยาบาลที่จะไปคลอดว่า ควรนำสิ่งใดมาโรงพยาบาลบ้าง บางโรงพยาบาลจะมี รายการสิ่งของที่ควรนำมาในจำนวนที่เหมาะสมไว้ให้ บางโรงพยาบาลก็เตรียมเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับ คุณแม่และลูกน้อยไว้ให้แล้ว
สิ่งที่ควรเตรียมไปด้วย
ก่อนคลอด - สำหรับคุณแม่
- กระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็กสำหรับเครื่องใช้ในห้องน้ำ เช่น แปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, สบู่ หรือเจลอาบน้ำ, แชมพูสระผม, หวี หรือแปรงผม, ยาระงับกลิ่นกาย, ลิปมัน (เวลาเบ่งคลอดอาจปากแห้ง), น้ำหอมโอเดอ โคโลญจน์ (ถ้าชอบ), แป้งฝุ่น (ถ้าชอบ), ที่หนีบผม หรือที่รัดผม (เผื่อเวลาคลอดแล้วร้อน รำคาญ ผมเผ้ารุงรัง)
- หนังสือ, นิตยสาร สำหรับอ่านคลายเครียดก่อนเข้าห้องคลอด
- วิทยุเล็กๆ, วอล์คแมน, เครื่องเล่นซีดีอันเล็ก (สำหรับฟังเพลงคลายเครียด) หรือเกมส์กด (สำหรับคุณพ่อขณะรอคลอด)
- กล้องถ่ายรูป หรือกล้องวิดีโอเพื่อบันทึกภาพ (กรุณาขออนุญาตคุณหมอและทางรพ.ก่อนว่า อนุญาตให้บันทึกภาพได้)
- ลูกอม, เครื่องดื่ม ขณะรอคลอด
- ผ้าเช็ดหน้าและพัด (เผื่อรู้สึกร้อนขณะคลอด)
- ถุงเท้า (เผื่อรู้สึกหนาวเท้าขณะเจ็บท้องคลอดช่วงปลาย)
- กระติกน้ำร้อน (บางโรงพยาบาลมีให้)
- เหรียญบาท หรือบัตรโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งข่าวดี (ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือและ
เพจเจอร์เมื่ออยู่ในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันการรบกวนจากคลื่นโทรศัพท์ที่มีต่อ
เครื่อง มืออุปกรณ์ช่วยชีวิตทางการแพทย์ในรพ.)
- เบอร์โทรศัพท์ของญาติพี่น้อง เพื่อนๆ เพื่อแจ้งข่าวดี
- ผ้าเช็ดตัวสีเข้ม 1 ผืนและผ้าขนหนูไว้เช็ดหน้า 2 ผืน
- กระจกส่องหน้า (ถ้าต้องการ - ใช้เพื่อดูศีรษะลูกขณะ กำลังโผล่ศีรษะออกมาขณะเบ่งคลอดได้อีกด้วย - จะช่วยให้มีกำลังใจเบ่งได้ดีขึ้น)
- กระดาษทิชชู 1 กล่อง (บางรพ. มีให้) หรือกระดาษ เย็นเช็ดหน้า เพื่อใช้ซับเหงื่อขณะเจ็บท้องและเบ่งคลอด
สิ่งที่ควรเตรียมเพิ่มเติม - หลังคลอด
สำหรับคุณแม่
- ที่เป่าผม (ใช้เป่าผม หากต้องการให้ผมเผ้า ดูเรียบร้อยสวยงาม รอรับคนมาเยี่ยม และใช้อบแผลได้ด้วย)
- ลิปสติคสีธรรมชาติ (สำหรับคุณแม่ที่รัก สวยรักงาม - เพื่อความสบายใจ)
- ถุงพลาสติคใบใหญ่ใส่เสื้อผ้าใช้แล้วไปซัก
- รองเท้าแตะใส่ในบ้านแบบส้นเตี้ย
- ยกทรงสำหรับใส่ให้นมลูก (มีที่เปิดด้านหน้า) 3 ตัว
- กางเกงในตัวใหญ่ๆ สีเข้ม 6 ตัว
- ผ้าอนามัยแบบมีห่วง 2 ห่อ หรือแบบ ซึมซับมากเป็นพิเศษ (บางรพ. เตรียมให้ แต่กลับไปบ้านคุณก็ต้องใช้อยู่ดี)
- แผ่นซับน้ำนม สำหรับใส่ในยกทรงเพื่อ ซับน้ำนมซึม (มีขายทั้งชนิดใช้แล้วทิ้ง หรือ ชนิดซักใหม่ได้)
- ครีมทาน้ำนมเพื่อลดอาการเจ็บหัวนม (ไม่ใช้ก็ได้)
- เสื้อผ้าสำหรับคุณแม่ใส่วันออกจากรพ. เพื่อกลับบ้าน ควรเป็นชุดผ่าหน้า (เพื่อให้นม ลูกได้สะดวก) ควรเลือกตัวใหญ่ๆ หลวมๆ เพราะรูปร่างยังไม่คืนรูปในช่วงนี้
- ควรจะเตรียมทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนไปด้วย เพราะสมัยนี้โรงพยาบาลมีบริการ ทำสูติบัตรให้ค่ะ (แนะนำโดย คุณMacy)
สำหรับลูกน้อย
- ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ชนิดแรกเกิด 1 ห่อ (บางรพ.เตรียมไว้ให้) ใช้ขณะอยู่รพ.
- สำลี (สำหรับเช็ดทำความสะอาดลูก) ส่วนมากใช้ของรพ.
- ขันใบเล็ก สำหรับใส่น้ำต้มสุกเพื่อ ใช้เช็ดทำความสะอาดลูก
- โลชั่น/แป้งฝุ่น - ไม่จำเป็นต้องใช้กับทารก แรกเกิดเพราะผิวยังอ่อนมาก
- เสื้อผ้าเด็กอ่อน 3 ชุด
- ผ้าห่มใช้ห่อตัวลูก
- ถุงมือ ถุงเท้า ดูว่าไม่มีเส้นด้ายรุงรังอยู่ด้านใน
- หมวกเด็กอ่อน (ใช้ใส่วันกลับบ้าน)
- เสื้อชุดหมีเต็มตัวใช้ใส่กลับบ้าน 1 ชุด
ก่อนคลอด เรื่องที่คุณแม่ท้องแรกมักจะกังวลใจ หนึ่งในหลายๆ เรื่องคือเรื่องการคลอดนั่นเอง บ้างได้ยินมาว่าตอนคลอดจะเจ็บมาก คลอดลำบาก ต้องมีท่าทางในการคลอด ต่างๆ นานา ซึ่งการจะคลอดลูกง่ายหรือยากนั้น จริงๆ แล้วมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่คุณแม่ท้องแรกควรทราบอย่างยิ่งค่ะ
ปัจจัยแรก
ขึ้นอยู่กับอุ้งเชิงกรานของคุณแม่ว่ามีขนาดได้มาตรฐานหรือไม่ หากเล็กไปการคลอดก็จะยากขึ้น อย่างไรก็ดี ก่อนคลอดแพทย์ก็จะวัดขนาดของกระดูกอุ้งเชิงกรานในช่วงอายุครรภ์ของแม่แล้ว ซึ่งพอจะบอกได้ว่าขนาดของอุ้งเชิงกรานใช้ได้หรือไม่ หากมีปัญหา แพทย์ที่ทำการคลอดจะได้หาหนทางแก้ไขต่อไป
ปัจจัยที่สอง
ขึ้นอยู่กับขนาดของทารก หากทารกมีขนาดใหญ่มากกว่า 3,500 กรัม การคลอดก็จะยากขึ้นหรืออาจคลอดตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะจะมีความเสี่ยงมาก แพทย์อาจจะพิจารณาวิธีผ่าคลอดให้แม่เป็นทางเลือก
อยากคลอดง่ายทำไงดี
- ควรพยายามดูแลตัวเองให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด เช่น อาบน้ำอุ่น พักผ่อนมากขึ้น หรืออาจใช้กระเป๋าน้ำร้อนวางประคบหลังเพื่อช่วยคลายปวด แต่ไม่ควรกินยาแก้ปวด
- ไม่ควรอั้นปัสสาวะนานๆ การที่กระเพาะปัสสาวะว่าง จะมีผลช่วยให้การคลอดเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากไม่เกิดอุปสรรค์กีดขวางการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก
- หากรู้สึกหิว ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ หรืออาหารว่างเบา ๆ ไม่ควรทานอาหารหนักเต็มมื้อ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะใช้เวลาในการย่อยนาน ยิ่งหากมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นระหว่างการคลอด จะเป็นอุปสรรคในการให้ยาระงับความรู้สึก เช่น ไม่สามารถให้ยาสลบได้
- ควรใช้เวลาที่พักระหว่างการเจ็บครรภ์อย่างคุ้มค่า โดยการนอนให้นิ่งและสงบอารมณ์ เพื่อเก็บพลังไว้ใช้ในการคลอด
- หากคุณแม่ยังสามารถลุกเดินได้ อาจจะลุกเดินรอบ ๆ เตียงบ้างก็ได้ หรือขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถ เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากการเกร็งตัว
- หากรู้สึกว่าต้องการระงับอาการปวด ควรบอกแพทย์หรือพยาบาลที่ดูแล
- พยายามควบคุมการหายใจเข้า ออก ตามวิธีที่พยาบาลในห้องคลอดแนะนำ ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่สบายขึ้น
บริหารร่างกายให้คลอดง่าย
การบริหารร่างกายก่อนการคลอดเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คุณแม่คลอดง่าย ทั้งยังช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของคุณแม่แข็งแรง และช่วยคลายอาการปวดเมื่อยอีกด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่าคุณแม่ต้องบริหารร่างกายอย่างไรบ้าง
1. บริหารกล้ามเนื้อขา สะโพกและข้อเท้า
เป็นท่าที่ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณขา สะโพก และเท้าของคุณแม่ดีขึ้น
โดยการนั่งพิงหมอน เหยียดขาตรง วางมือข้างลำตัว กระดกเท้าทั้งสองข้างขึ้นลงสลับกัน โดยให้ส้นเท้าวางอยู่กับที่ ขณะกระดกเท้าขึ้นหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกเมื่อกดปลายเท้าลง ทำวันละ 8 - 10 ครั้งค่ะ
จากนั้นนั่งท่าเดียวกัน กด ปลายเท้าลง หมุนปลายเท้าและข้อทั้งสองข้างเป็นวงกลม ให้ส้นเท้าอยู่กับที่ ไม่งอเข่าค่ะ โดยหมุนปลายเท้าเข้าหาตัวเอง เมื่อครบรอบแล้วปลายเท้าจะอยู่ในลักษณะกระดกขึ้น แล้วให้หมุนปลายเท้าออกเมื่อครบรอบ ปลายเท้าจะอยู่ในลักษณะกดลง ทำสลับกัน 8 - 10 ครั้งค่ะ
2. บริหารกล้ามเนื้อต้นขา
เป็นท่าที่ช่วยให้กล้ามเนื้อต้นขายืด ขยาย มีความแข็งแรงมากขึ้น โดยการนั่งขัดสมาธิวางฝ่ามือตรงเข่า หายใจเข้าหลังตรง และหายใจออกทำ 8 - 10 ครั้ง จากนั้นนั่งขัดสมาธิประกบฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ดึงส้นเท้าชิดตัว มือทั้งสองรองอยู่ใต้หัวเข่า เท้าชิดตัว ใช้มือทั้งสองที่สอดใต้เข่าทั้งสองข้างดันเข่าพร้อมกับสูดลมหายใจเข้า แล้วเปลี่ยนเป็นใช้ฝ่ามือกดเข่าลงช้า ๆ พร้อมกับหายใจออก ทำ 8 - 10 ครั้ง
3. บริหารกล้ามเนื้อสีข้าง
ช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อสีข้าง ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และหายใจได้สะดวกขึ้นค่ะ โดยการนั่งขัดสมาธิ ชูมือขวาขึ้นเหนือศีรษะให้มากที่สุด หลังยืดตรง เอียงตัวมาทางซ้ายให้มากที่สุดพร้อมหายใจเข้า กลับมานั่งตรงตามเดิม และหายใจออกสลับข้างเป็นยกมือข้างซ้าย ทำเช่นเดียวกัน 8 - 10 ครั้ง
4. บริหารกล้ามเนื้อช่องคลอดอุ้งเชิงกราน และฝีเย็บ
ช่วยให้ฝีเย็บยืดขยายสามารถควบคุมได้ง่าย โดยการขมิบ และคลายกล้ามเนื้อรอบ ๆ ช่องคลอด ทวารหนัก และช่องปัสสาวะ ขณะขมิบให้หายใจเข้า และขณะคลายให้หายใจออก
5. บริหารกล้ามเนื้อหลัง หน้าท้อง สะโพก และต้นขาด้านหลัง
ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง และบรรเทาอาการปวดหลัง โดยการที่คุณแม่อยู่ในท่าคลาน แขนเท้าพื้นเหยียดตรง หายใจเข้าพร้อมกับโก่งหลังขึ้น ก้มศีรษะ แล้วหายใจออกพร้อมกับแอ่นหลังลงและยกศีรษะขึ้น
6. บริหารกล้ามเนื้อหลังส่วนล่างหน้าท้องและอุ้งเชิงกราน
เป็นท่าที่มีประโยชน์สำหรับการคลอดเพราะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนล่างยืดขยายและมีความยืดหยุ่น ทั้งยังลดอาการปวดหลังได้ดี โดยการนอนหงายกับพื้น ชันเข่าแยกขาห่างจากกันเล็กน้อย วางแขนทั้งสองข้างชิดลำตัวสูดหายใจเข้า กลั้นไว้พร้อมกับเกร็งกล้ามเนื้อสะโพก ต้นขา และหน้าท้อง แอ่นหลังขึ้น โดยไหล่และสะโพกแนบติดพื้น หายใจออกช้า ๆ พร้อมกับกดหลังให้ติดพื้นตามเดิม
คุณแม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายตัว เคลื่อนไหวได้สะดวก และอยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเท นอกจากนี้ การบริหารครั้งแรกควรทำเพียง 10 - 5 นาที วันละ 1 - 2 ท่า เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว หลังจากนั้นค่อยเพิ่มเป็นวันละ 30 - 40 นาที วันละ 4 - 5 ท่า แต่ถ้าหากคุณแม่รู้สึกเหนื่อยต้องรีบหยุดทันทีนะคะ
แสดงแบบโดยคุณเนาวรัตน์ พงษ์พันธ์เดชา